วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

สุขภาพเส้นผมกับปัญหา ‘ผมร่วง’

แนะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยได้

“เส้นผม” เปรียบเสมือนแขนขาของผิวหนัง เส้นผมและขนในแต่ละส่วนของร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน คนเรามีขนหลายชนิด ภาษาไทยเรียกขนบนศีรษะว่า “ผม” แต่ขนที่บริเวณอื่น จะเรียกว่า “ขน” ขณะที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “hair” ทั้งหมด โดยปกติหนังศีรษะของคนเรามีเลือดมาเลี้ยงมาก และทำหน้าที่ควบคุมการกระจายความร้อนของร่างกาย

บนหนังศีรษะมีเส้นผมรวมทั้งสิ้นประมาณ 120,000 เส้น ผมสีบลอนด์จะมีเส้นผมมากกว่าสีอื่น โดยมีประมาณ 140,000 เส้น ผมสีเข้มมีประมาณ 105,000 เส้น ในขณะที่ผมสีแดงจะมีประมาณ 90,000 เส้น นอกจากเส้นผมบนหลังศีรษะแล้ว ทั่วร่างกาย มีขนและผมรวมทั้งสิ้น 5 ล้านเส้น ในร่างกาย ของคนเรา ส่วนที่ไม่มีผมและขนเลย คือ ริมฝีปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ทั้งนี้พบว่าในแต่ละวัน เส้นผมหลุดร่วงจากหนังศีรษะไม่เกิน 100 เส้น

>> เหตุปัจจัยที่ทำให้ผมร่วง

- อายุ, พันธุกรรม และฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งพบว่าถ้าอายุมากขึ้น การเจริญเติบโตของเส้นผม จะโตช้าลง

- จากฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่เป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อว่า “แอนโดรเจน” ซึ่งถ้าระดับของฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายมีสูงก็จะส่งผลทำให้ผมร่วง ดังนั้นทั้งเพศหญิงและเพศชายมีปัจจัยเสี่ยงจากฮอร์โมนแอนโดรเจนได้ทั้งสองเพศ

- ภาวะตั้งครรภ์ ในเพศหญิง หรือผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดมาเป็นเวลานานอาจเกิดอาการผมร่วงได้ซึ่งจะหายเป็นปกติหลังเลิกกินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือหลังคลอดบุตรประมาณ 4-6 เดือน

- จากยาเคมีบำบัดและโรคภัยไข้เจ็บ ผมร่วงที่เป็นผลจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัดเป็นสิ่งที่พบเห็นและทราบกันดี แม้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับยาเคมีบำบัดทุกชนิดแต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะหลีกเลี่ยงได้ยาก นอกจากนี้ ยังมียาอื่นที่ทำให้ผมร่วงได้เหมือนกัน เช่น ยารักษาโรคเก๊าต์ ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต และยาโรคหัวใจบางชนิด การใช้วิตามินเอในขนาดสูงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงได้มากและมักจะดีขึ้นเมื่อหยุดยาแล้ว รวมทั้งโรคภัยต่างๆ ที่พบบ่อยในเวชปฏิบัติที่เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ได้แก่ โรคของต่อมไทรอยด์ โรคเบาหวาน โรคติดเชื้อราที่หนังศีรษะ ภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งพบได้ในผู้หญิงที่เสียเลือดจากการมีประจำเดือนครั้งละมากๆ รวมทั้งโรคเรื้อรังทั้งหลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงได้

>> การป้องกันไม่ให้ผมร่วง

1. เลือกรับประทานอาหารและของที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม เช่น ธัญพืช, ข้าวกล้อง, งาดำ, เมล็ดทานตะวัน, ฟักทอง

2. ควรนวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อบำรุงรากผมบ้าง

3. ควรทำความสะอาดผมอย่างสม่ำเสมอ

4. ควรใส่ครีมบำรุงผม ทุกครั้งที่สระผม

5. ควรรับประทานแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อรากผม เช่น Biotin ไบโอติน หรือ Vitamin H จัดเป็นวิตามินชนิดหนึ่งในกลุ่มวิตามิน บี จำเป็นสำหรับขบวนการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย ซึ่งช่วยบำรุงผิวหนัง ผม กล้ามเนื้อ และประสาท อาหารที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ ตับหมู ไตวัว เนื้อวัว ปลาเนื้อขาว น้ำมันปลา ข้าวกล้อง ข้าวโพด รำข้าวสาลี ไข่ นม เนย โยเกิร์ต ผักต่างๆ โดยเฉพาะดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี เห็ด และแครอท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับปริมาณของวิตามินที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

>> การรักษา

1.การรักษาโดยคำนึงถึงสาเหตุหลักและปัญหาเป็นสำคัญ

2.การใช้ยาทา minoxidil เพื่อช่วยเพิ่มเลือดไหลเวียนไปที่บริเวณรากผมและโคนเส้นผม

3.การใช้ยาต้านฤทธิ์ฮอร์โมนแอน-โดรเจนชื่อ finasteride ซึ่งจากการศึกษาวิจัย พบว่าได้ผลในการรักษาพอสมควร แต่มีข้อควรระวังที่สุดคือยานี้ทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ห้ามใช้ในผู้หญิงตั้งครรภ์อย่างเด็ดขาด แต่ในกรณีที่ผมร่วงเป็นหย่อมๆ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่เพื่อรักษาอาการดังกล่าว หรือพิจารณาใช้ยาแอน ทราลินชนิดทา หรือทาร์ชนิดทา ช่วยในการรักษาเพิ่มเติม ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการผ่าตัดปลูกเส้นผมจริง เพื่อช่วยขจัดปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น